ปีที่ ๓ – บทที่ ๑

ปิติกับยาย

ไก่ขันปลุกปิติเป็นประจำทุกเช้าตามปกติฤดูทำนาเช่นนี้ พ่อ แม่ และพี่ไปนาตอนเช้ามืดก่อนเขาตื่น วันนี้แม่มัวหาผ้าคลุมหน้ากันแดด จึงทำให้ไปช้ากว่าทุกวัน ปิติจึงตื่นขึ้นมาทัน พ่อเตรียมเครื่องมือทำนารออยู่ข้างล่าง พี่เตรียมfoodstuffsข้าวปลาอาหารและpour water into somethingกรอกน้ำใส่flask, canteen, water bottleกระติก เสร็จแล้วก็พากันลงนั่งคอยอยู่ที่bamboo bench, cotแคร่ใต้ต้นมะปราง ปิติpoke one’s head out and look out the windowโผล่หน้าต่างเห็นพ่อกำลังเอาคราดrakeกระแทกhit, bang againstกับพื้นดินแรงๆ เพื่อให้ดินหลุดออก จนก้อนกรวดgravel, pebblesที่พื้นกระเด็นbounce offขึ้นมา เขาอยากจะขอไปนาด้วย แต่เกรงว่าพ่อจะดุ เพราะพ่อเคยบอกว่าเขาตกกล้าplant rice seedlingsไม่เป็น จะต้องอยู่บ้านช่วยยายทำงาน เขาเข้าไปช่วยแม่หาผ้าคลุมหน้าแต่ไม่พบ แม่annoyedรำคาญเลยเปลี่ยนใจใช้farmer’s hatงอบแทน

ครั้นwhenพ่อ แม่และพี่ไปแล้ว ปิติจึงล้างหน้า แปรงฟัน อาบน้ำ สระผม เขาเห็นยายกำลังล้างหน้าประแป้งapply powderให้น้อง จึงลงไปเดินเล่นรอบบริเวณบ้าน ขณะนั้นยังเช้าอยู่ พระอาทิตย์เพิ่งขึ้นจากขอบฟ้าครึ่งดวง ทอแสงshineสีทองออกมาเรื่อpale (color)เรืองglowing ฝูงนกพากันบินออกหากินเป็นหมู่ อากาศสดชื่น ลมเย็นพัดผ่านblowไม่ขาดระยะwithout interruption เขามองดูผึ้งเกลือกกลั้วเกสรassociate with, fool around with, live in filth + pollen = get covered in pollenดอกบัวในสระข้างบ้านอย่างสำราญใจcontentedly, carefree แล้วเดินเรื่อยมาจนกระทั่งuntilถึงต้นมะยมหลังบ้าน เขาคิดถึงเจ้าแก่ขึ้นมาทันที เพราะมันเป็นสัตว์เลี้ยงที่ไม่เคยขัดใจoppose, go against + heart = offend, displeaseเขาเลย ตั้งแต่เจ้าแก่ตายเขารู้สึกเหงามากจนพ่อสงสาร และสัญญาว่าจะหาลูกม้ามาให้เลี้ยงแทนเจ้าแก่ แต่พ่อก็ยังหาไม่ได้

พอดีปิติได้ยินเสียงยายร้องเรียกจึงรีบวิ่งกลับ ครั้นขึ้นไปบนบ้านเห็นยายกำลังก่อไฟlight a fire ควันไฟกระจายไปทั่วบ้าน

“หิวข้าวหรือยัง” ยายถาม “ถ้ายังไม่หิว ช่วยหั่นหยวกกล้วยbanana stalk, stemให้ยายหน่อยเถอะ ยายจะต้มให้หมู”

“ได้ครับยาย” ปิติตอบแล้วก็คว้าgrab hold ofมีดหั่นหยวกกล้วยใส่กระจาดwoven basket or platterอย่างกระฉับกระเฉงenergetically, vigorouslyจนเหงื่อเปียกโชกsoaking wetไปทั้งตัว ยายเตือนว่า “ระวังจะเฉือนcut, sliceนิ้วตัวเองเข้านะปิติ” พอยายพุดจบ ปิติร้องลั่นscreamสะบัดflip the wrist, flap e.g., flag, rugมือไปมา ทำหน้าเบ้ ยายตกใจปราดrush, quicklyเข้ามาคว้ามือปิติขึ้นดูก็ไม่เห็นมีบาดแผลwound, cut ปิติหัวเราะชอบใจpleased, amused ยายโกรธจึงว่า “ปิติ เจ้าทำตัวเป็นคนหลอกลวงdeceptive, deceitfulเช่นนี้ ระวังจะเป็นเด็กเลี้ยงแกะ”

ปิติเข้าไปกอดประจบcurry favor, ingratiateยาย “ขอโทษเถอะครับยาย ผมนึกว่ายายจะชอบเสียอีกparticle: know now it’s not true ผมจะเป็นเด็กเลี้ยงแกะได้อย่างไรครับ”

“เด็กเลี้ยงแกะที่ยายเคยอ่านในหนังสือนะซี เขาเป็นเด็กไม่ดี ชอบพูดจาเหลวไหลliquid + flow = nonsensicalหลอกให้คนเข้าใจผิด เขาพาฝูงแกะไปเลี้ยงที่ชายทุ่งedge of field, meadow นึกสนุกขึ้นมาก็ร้องตะโกนเอะอะloud (esp. suddenly)ว่า หมาป่ามากินแกะหมดแล้ว พวกชาวนาที่อยู่ใกล้ได้ยินก็คว้ามีด คว้าไม้ วิ่งมาจะช่วยแต่ไม่เห็นหมาป่า ซ้ำเจ้าเด็กเลี้ยงแกะก็หัวเราะขันที่เห็นผู้ใหญ่วิ่งหน้าตื่นlook startledคิดว่าหมาป่ามา ครั้นวันหลัง หมาป่ามาจริง ร้องตะโกนอย่างไรก็ไม่มีใครมาช่วย เพราะเขาคิดว่าคงจะถูกหลอกเหมือนคราวก่อนนี่แหละyou see, that’s why เจ้าอย่าหัดเป็นคนพูดปดtell a lie, fibจะไม่มีใครเชื่อถือtrust, believeเหมือนเด็กเลี้ยงแกะ จำไว้นะ ปิติ”

ปิติกราบbow, prostrateขอโทษแล้วว่า “ครับยาย ผมจะจำไว้ จะไม่พูดจาเหลวไหลหลอกใครอีกต่อไป”

“ดีแล้ว” ยายพูด “ไปกินเข้ากันเถอะ จะได้รีบทำงาน”

- + - + - + - + - + - + - + -